1
ภาพนานมาแล้วที่พระคุณเจ้าพิบูลย์ ถือไม้เท้าที่เป็นไม้ธรรมดา เดินนำหน้าเด็ก ๆ เมื่อนานมาแล้ว พร้อมเรื่องราวในวันนั้น ผมเคยเขียนเรื่องนี้ แต่ลงสื่อโซเชี่ยน ไม่ได้ตีพิมพ์ที่ไหน ครั้งนี้จึงอยากนำมาแบ่งปันในเรื่องราวเหล่านั้น … ขอย้ำว่านานมาแล้วนะครับ ตอนนั้นก็ยังเป็นสามเณรใหญ่ เดินทางไปกับคุณพ่อสัญญา สิงห์สา (เสียชีวิตแล้ว) และคุณพ่อประพันธุ์ กลัมพัก (เสียชีวิตแล้ว)
….
หลังปัสกาบนดอยที่ผมมีโอกาสติดหลังรถไปร่วมพิธีกรรมดังกล่าวกับพี่น้องชนเผ่าปกาเกอะญอ ที่อำเภอท่าสองยาง … ผมยังมีโอกาสติดหลังรถพระคุณเจ้าพิบูลย์ (รถยนต์ขับเคลื่อนสองล้อ ติดแก๊ส ประหยัดพลังงาน) พร้อมกับคุณพ่อสัญญา และเพื่อนบราเดอร์ที่เรียนมาด้วยกัน … เป้าหมายของการเดินทางตามคำเชื้อเชิญของคุณพ่อผู้รับผิดชอบแขวงแพร่ธรรมแม่ตะวอ คุณพ่อไพโรจน์ หน่อชัชวาล และคุณพ่ออารุณ กะโนะ (สงฆ์หนุ่มไฟแรงคณะเบธาราม) … เราเดินทางกันวันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2013 ออกเดินทางตั้งแต่ตีห้า เพื่อให้ทันไปทำธุระเรื่องท่อน้ำประปาป่า .. ซึ่งเป็นความต้องการของชาวบ้านอูปูทะ ที่ขัดสนเรื่องน้ำ .. นอกจากนั้นพระคุณเจ้ายังซื้อสีทาไม้ สีแดงแก่ จำนวน 3 ปี๊บ เพื่อให้ชาวบ้านทาสีวัดของตนเอง ..ตรงตามเป้าหมายครับ หลังจากเดินทางถึงแม่ตะวอ .. ก็เดินทางไปอูปูทะ เพื่อปฏิบัติภารกิจ เรื่องท่อน้ำประปา และทาสีวัด เมื่อถึงที่หมาย พระคุณเจ้าเดินทางพร้อมขนมปัง 2-3 ถุงใหญ่ ๆ เพื่อนำขนมไปให้ และเพื่อเดินขึ้นไปดูการต่อท่อน้ำ โดยมีเด็ก 2 คนที่อาสาเป็นไกด์ และถือของให้พระคุณเจ้า .. ใจจริงพระคุณเจ้าอยากเดินให้ถึงต้นน้ำ เด็กที่พาไปก็บอกเพียงว่า “ไม่ไกลครับ” ประมาณ 3 รอบ ที่สุดพระคุณเจ้าของเราตกหลุม แต่โชคดีที่เด็ก 2 คนโยนไม้ท่อนหนึ่งลงหลุมไปเพื่อให้พระคุณเจ้าได้ดึงตัวเองขึ้นมา … (เด็กสองนี้เป็นผู้ช่วยพระสังฆราช).. แต่ว่าเส้นทางมันยากเกินไป ก็เลยหยุด แต่ส่งบราเดอร์ไปถ่ายภาพที่ต้นน้ำ .. ภารกิจต้นน้ำเป็นอันว่าสำเร็จ เพื่อได้ต่อท่อตามเป้าหมายที่วางไว้ ภารกิจต่อไปคือการทาสีวัด พวกเราตั้งใจว่าจะไม่ซื้อแปรงขึ้นไป เพราะเราจะใช้ต้นไม้กวาดมัดรวมกัน เพื่อทำเป็นแปรงสำหรับทาสี แรกๆ ก็มีโมโด๊ะหมู่บ้านและเยาวชนเพียงไม่กี่คน หลังๆ มีเด็กมาช่วย ก็ทาสีเท่าที่มือจะเอื้อมถึงแหละครับ.. ภารกิจที่สองก็สำเร็จ ชาวบ้านจะสานต่อไปครับ ภารกิจที่สาม .. พระคุณเจ้าตั้งใจจะพาชายพิการคนหนึ่ง เพื่อพาเขาลงมาฝึกอาชีพที่ศูนย์ของคาทอลิก หลังจากที่พระคุณเจ้าลงจากดอยเพื่อไปดูต้นน้ำ ดูท่อประปาป่าแล้ว พระคุณเจ้าก็ตรงไปหาชายคนนั้น เพื่อมอบปัจจัย และเชิญชวนชายคนนั้นเพื่อลงไปฝึกอาชีพในเมือง … ภารกิจนี้ยังไม่จบครับ รอการตอบรับตัดสินใจจากชายคนนั้น รอกันต่อไปครับ..
.. เราเดินทางกลับพร้อมบทเรียนที่ไม่ใช่ให้แค่คำพูดสวยงาม แต่ต้องหาหนทางช่วยพวกเขาให้ได้
2
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ตื่นได้แล้ว” .. และนี่เป็นเสียงของพระคุณเจ้า ที่ปลุกผม 2 คน เพื่อไปร่วมอีกภารกิจหนึ่งของพระคุณเจ้า คือการไปเสกวัดเทิดทูนไม้กางเขน แม่โป .. (แต่เดินทางเช้ามากไปหน่อยไหมครับ เพราะไปรอถึง 2 ชั่วโมง) แต่ทุกนาทีของพระคุณเจ้ามีประโยชน์ เพราะท่านประสานงานกับคนที่ล้มเหลวจากการปลูกข้าวโพด เพื่อเป็นการเตือนสติคนที่กำลังจะปลูกข้าวโพด “ว่ากำลังเป็นหนี้”
ภารกิจกำลังจบลง .. เราแจกสร้อยกางเขนที่พันกันจนต้องช่วยกันดึงแล้วดึงอีก เพื่อสานต่องานของกางเขน บางทีก็ยุ่งยากไม่น้อย .. ก่อนกลับผมเห็นแบบอย่างมากมายเลยครับ คนต่องานพระราชัย แจกจ่ายกางเขนเพื่อมวลประชา สอนคำสอนเรื่องกางเขน ล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ แต่ที่เขามั่นใจเพราะกางเขนมีไว้สำหรับพวกเราทุกคน ล้วนแล้วแต่มีพระเยซูเจ้าที่ร่วมแบกไปกับเรา เราจึงไม่เดียวดาย เพราะทุกครั้งไม่ว่าจะเดินทางไปไหน ไม่ว่ายากลำบากเท่าไร เราไปพร้อมกับกางเขนที่มีพระคริสตเจ้าร่วมเดินทางไปกับเราเสมอ
3
ค่ายคำสอนภาคฤดูร้อน ในอากาศหนาว ณ แม่สะเปา
12 เมษายน 2013 .. บนความสูง 814 เมตรจากระดับน้ำทะเล ณ ที่ผมยืนหลังลงจากรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่เปลี่ยนจากศูนย์แพร่ธรรมแขวงปูแป้… อาการมึนงุนงง ผสานความหวาดเสียวที่ผ่านสารพัดโค้งข้างเหวหลายโค้ง .. ช่วงเจ็ดวันอันตราย เราเห็นป้ายประกาศมากมาย ที่เฝ้าเตือนเรา แต่ที่นี่มีโค้งอันตรายดูเผินๆ ผ่านๆ ไปมากมายไม่น้อย และดูจะอันตรายกว่าหมดด้วยซ้ำ เพราะแต่ละโค้งล้วนแล้วแต่มีเหวเป็นเครื่องประกัน .. พระคุณเจ้าพิบูลย์ ชอบแซวพวกเรา “..ถ้าจะลงเหว เลือกที่เหวลึกที่สุดนะ จะได้ไม่ต้องมีใครหาเจอ”พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ
ผมมายืนในระดับความสูงอย่างที่บอก ที่จริงระยะทางที่มา เพื่อนที่มาด้วยกันพยายามลุ้นว่าเส้นทางที่ขึ้นมาจะสูงถึงพันเมตรจากระดับน้ำทะเลไหม แต่ดูเหมือนสูงสุดก็ประมาณ 900 เมตร กว่า ๆ นิด ๆ
ณ จุดที่เรายืน เรียกว่าหมู่บ้านแม่สะเปา หลังพวงมาลัยคราวนี้มีเป้าหมายเพื่อร่วมในภารกิจของพระคุณเจ้าพิบูลย์ ในการโปรดศีลกำลังให้เด็ก ๆ จากค่ายคำสอนของแขวงแพร่ธรรมแม่ตะวอ ที่เมื่อถามจากผู้ดูแลแล้วก็ประมาณ 178 คน ดูจะมากที่สุดในสังฆมณฑลเลยทีเดียว อันดับสองรองลงมาก็เป็นที่แขวงแพร่ธรรมแม่ระมาดที่มีจำนวนผู้เรียนคำสอนถึง 109 คน …
ณ ความสูงระดับนี้ สิ่งที่ทำให้แปลกใจทั้ง ๆ ที่เป็นฤดูร้อน แต่อากาศกลับหนาวเย็น … อากาศเย็นสบายเหมือนเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ที่ 19 องศาฯ
ณ ความสูงระดับนี้ ผมชื่นชมกับการจัดค่ายคำสอนแบบต้นทุนไม่มาก และใช้บุคลากรเป็นบุคคลในพื้นที่ส่วนใหญ่ ภาพที่ผมเห็นและประทับใจ คือบรรดาครูคำสอน และเยาวชนที่ลงไปเรียนในเมือง เขารวมตัวกันเพื่อมาแบ่งปันความรัก ความรู้ ให้กับน้อง ๆ คนในพื้นที่นี่เอง
ณ ความสูงระดับนี้ เสียงเครื่องปั่นไฟดังขึ้น กลบทุกเสียงไม่ว่าจะเด็ก ๆ กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นบรรดาผู้สอนที่กำลังเตรียมกิจกรรมต่าง ๆ และกลบเสียงบรรดาป้า ๆ แม่บ้านที่เกณฑ์กันมาเพื่อจัดเตรียมอาหารสำหรับเด็ก ๆ ชาวค่าย .. เสียงเครื่องปั่นไฟดังอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องใช้มันอีกสัก สอง สาม สี่ บางทีอาจถึง ห้า ชั่วโมง เพื่อใช้นัดแนะกิจกรรมต่อไป เพื่อใช้สวดภาวนาในวัด เพื่อใช้เป็นแสงสว่างในการชุมนุมกันของบรรดาเด็ก ๆ ค่ายคำสอน เพื่อเล่นกิจกรรมสันทนาการ และด้วยอีกหลายจุดประสงค์สำหรับการดำเนินงานค่ายคำสอนในครั้งนี้ …
ณ ความสูงระดับนี้ เสียงเครื่องปั่นไฟกำลังค่อย ๆ เงียบลง ไฟทุกดวงดับลงสนิท คงเหลือไว้แต่แสงจากแท่งเทียน และกองไฟที่จุดประปราย ..
ณ ความสูงระดับนี้ ก่อนที่เครื่องปั่นไฟจะค่อย ๆ เงียบเสียงลง ผมได้ยินเด็ก ๆ ร้องเพลงแม่พระภาษา
ปกาเกอะญอ..
เสียงเครื่องปั่นไฟเงียบลง คงเหลือแต่สายลมหนาวที่พลัดพลิ้ว คลอกับเสียงร้องของบรรดาสัตว์ เคล้ากับเสียงเคาะแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์เพื่อพิมพ์เรื่องราวเหล่านี้ที่แสนประทับใจ .. แล้วผมก็ปิดคอมพิวเตอร์คู่ใจที่บัดนี้คงชราตามสภาพ แต่สมบุกสมบัน พร้อมใช้งาน ไม่ดื้อ ไม่ทรยศ แล้วก็หลับไปด้วยความเหนื่อย หนาว และประทับใจ
4
..เช้ากว่าทุกวันที่ผมตื่น เพราะภารกิจในวันนี้มีการโปรดศีลกำลังของนักเรียนชาวค่ายแม่สะเปา ในเวลา 7 โมงเช้า พิธีราบรื่น สงบ มีสะดุดบ้าง อาจเป็นเพราะความเขินอายเล็กน้อยตามวิถีของชนเผ่าปกาเกอะญอ เด็กตัวน้อย ๆ สวมใส่ชุดชนเผ่ากำลังไปรับการเจิม และปกมือเพื่อประทานพระจิตเจ้า เพื่อเขาจะนำผลของพระจิตเจ้าที่ได้รับ แสดงออกเป็นชีวิตที่เป็นประจักษ์พยานท่ามกลางเพื่อน พี่ น้อง รอบข้าง
วินาทีที่ผมกำลังประมวลความประทับใจ ทั้งที่คิดเองและได้ยินจากพระคุณเจ้าพิบูลย์ .. ไม่ว่าจะเรื่องความร่วมมือที่ต้องขอบคุณดัง ๆ จากคุณพ่อผู้รับผิดชอบ ซิสเตอร์ ครูคำสอน ซิสเตอร์หมู่บ้าน บราเดอร์จาก คณะเบธาราม บรรดาเยาวชนที่มาเป็นพี่เลี้ยง .. ไม่ว่าจะเป็นบรรดาเด็ก ๆ ที่เรียบร้อย ยกมือไหว้ การทักทายอย่างเป็นกันเอง .. ไม่ว่าจะเป็นการชื่นชมบรรดาเยาวชนที่รวมตัวกัน “คิดถึงน้อง ๆ” ที่โอกาสน้อยกว่า การเข้าถึงการศึกษาที่ยากลำบากกว่า ยังผลให้ขาด .. ก็ได้แต่หวังว่าพี่ๆ จะไม่ทอดทิ้งอุดมการณ์แบบนี้ …
วินาทีต่อจากนี้คือช่วงเวลาที่ .. ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระพรแห่งความรักที่มอบอย่างยาวนานเป็นเรื่องราวที่เอาชนะความยากลำบากของทางที่คดเคี้ยว ความยากลำบากต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้จวบจนวันนี้เสมอ… (ไม่ว่าทางจะคดเคี้ยวสักเท่าไร พระพรของพระเจ้ามุ่งตรงมาสู่ทุกผู้คนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง)
ปล. ผมลงภาพนี้ในเพจสื่อมวลชนคาทอลิก สังฆมณฑลนครสวรรค์ ในวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา จึงคิดถึงเรื่องราวในวันนี้ที่ภาพเหล่านี้ปรากฏ … และยังคิดถึงบุคคลในเหตุการณ์นั้น … ชวนคิดถึง คุณพ่อยอห์น สัญญา สิงห์สา และ คุณพ่อเปโตร ประพันธุ์ กลัมพัก ขอพระเจ้าโปรดรับท่านในอ้อมพระหัตถ์ของพระองค์